
NITMX และมาสเตอร์การ์ด ขยายความร่วมมือ พัฒนาระบบ พร้อมเพย์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลไทย


[จากซ้าย นางวินนี่ วอง ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมา มาสเตอร์การ์ด
และ นายฉัตรชัย ดุษฎีโหนด กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์]
บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด (NITMX) และมาสเตอร์การ์ด ประกาศขยายความร่วมมือระยะยาวในการพัฒนาระบบ “พร้อมเพย์” หนึ่งในระบบการชำระเงินแบบเรียลไทม์ (Real-time Payments: RTP) ที่มีการใช้งานมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อร่วมผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยให้เติบโตยิ่งขึ้น
เมื่อไม่นานมานี้ ทั้งสององค์กรได้ลงนามสานต่อความร่วมมือระยะยาวฉบับใหม่ ซึ่งจะมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและผลักดันให้ประชาชนและธุรกิจไทยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลมากยิ่งขึ้น โดยเป็นการต่อยอดจากความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นที่ทั้งสององค์กรได้สานต่อมาตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งช่วยให้ผู้คนและธุรกิจในไทยนับล้านสามารถทำธุรกรรมได้อย่างราบรื่น
“พร้อมเพย์” ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของระบบการชำระเงินดิจิทัลของประเทศไทย โดยมีผู้ลงทะเบียนใช้งานมากกว่า 81.06 ล้านราย (ข้อมูล ณ เดือนมีนาคม 2568) และในเดือนเดียวกัน มีการทำธุรกรรมผ่านระบบมากกว่า 2.1 พันล้านรายการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 4.43 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 13% สะท้อนให้เห็นถึงการเข้าถึงบริการทางการเงินที่เพิ่มขึ้น และการยอมรับของประชาชนต่อพร้อมเพย์ในฐานะเครื่องมือชำระเงินหลักในชีวิตประจำวัน
ระบบพร้อมเพย์ช่วยลดการพึ่งพาเงินสด และเปิดโอกาสให้ธุรกิจทุกขนาด นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ธุรกิจขนาดเล็ก เช่น คนหาบเร่แผงลอย พ่อค้า แม่ค้าตามแผงขายอาหาร สามารถทำธุรกรรมโดยไม่ใช้เงินสดและรับการชำระเงินแบบดิจิทัลได้ นำไปสู่การเชื่อมโยงเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กให้สามารถเข้าสู่ระบบนิเวศทางการเงินดิจิทัลและเป็นการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับคนกลุ่มนี้มากยิ่งขึ้น
ระบบพร้อมเพย์ที่ได้รับการพัฒนาโดย NITMX และขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีการชำระเงินแบบเรียลไทม์ (Real-time Payments: RTP) จากมาสเตอร์การ์ด ช่วยให้ผู้บริโภคไทยสามารถใช้พร้อมเพย์เพื่อการชำระค่าสินค้า รับสวัสดิการจากรัฐบาล รับเงินคืนภาษี รวมถึงโอนเงินให้เพื่อนได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วินาที โดยการชำระค่าดำเนินการต่าง ๆ ของรัฐบาล สามารถทำได้ผ่านการลงทะเบียนด้วยเลขบัตรประชาชน หรือการทำธุรกรรมง่าย ๆ อย่างการหารค่าอาหารกับเพื่อนก็สามารถทำได้โดยการให้หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ภายใต้สัญญาความร่วมมือฉบับใหม่นี้ มาสเตอร์การ์ดจะทำงานร่วมกับ NITMX ในการขยายขีดความสามารถและพัฒนาบริการของพร้อมเพย์เพื่อให้รองรับการเติบโตในเจเนอเรชันถัดไป
นายปีเตอร์ เรย์โนลด์ส รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายการชำระเงินแบบเรียลไทม์ มาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า “เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับความสำเร็จจากการร่วมมือกับ NITMX ที่ผ่านมา ด้วยความร่วมมือนี้ เราสามารถสร้างสภาพแวดล้อมในการชำระเงินแบบเรียลไทม์ในระดับโลกและได้เปิดโอกาสให้คนไทยมีทางเลือกในการชำระเงินมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากเราผ่านความร่วมมือกันมากว่าทศวรรษ เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้ทำงานร่วมกับ NITMX อีกครั้งในเฟสใหม่เพื่อสร้างบริการที่เป็นทางเลือกในการทำธุรกรรมทางการเงินแบบเรียลไทม์ให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจ”
นายฉัตรชัย ดุษฎีโหนด กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ กล่าวว่า “เราภูมิใจที่ได้สานต่อความร่วมมือกับมาสเตอร์การ์ด ซึ่งเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างหนึ่งในระบบการชำระเงินแบบเรียลไทม์ที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก พร้อมเพย์ไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มการชำระเงิน แต่เป็นกลไกสำคัญที่ส่งเสริมการเติบโตทางดิจิทัลอย่างครอบคลุม ช่วยเสริมศักยภาพให้ประชาชน สนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก และขับเคลื่อนนวัตกรรมระดับประเทศ ในขณะที่เรากำลังก้าวเข้าสู่ช่วงใหม่ของการพัฒนา NITMX ยังคงมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศไทยให้แข็งแกร่งและมอบประสบการณ์การชำระเงินที่ปลอดภัย ราบรื่น และเข้าถึงได้สำหรับทุกคน”
นางวินนี่ วอง ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมา มาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า “พร้อมเพย์ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำธุรกรรมของผู้บริโภคและธุรกิจไทยไปอย่างสิ้นเชิง และผลกระทบเชิงบวกที่เกิดขึ้นในประเทศนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ มาสเตอร์การ์ดรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่จะขยายความร่วมมือกับ NITMX และเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมการชำระเงินที่สะดวก ปลอดภัย และทันสมัย ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินและดิจิทัลอย่างทั่วถึง แต่ยังสนับสนุนวิสัยทัศน์ของธนาคารแห่งประเทศไทยในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินดิจิทัลของประเทศ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและภาคธุรกิจ รวมถึงช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยให้ก้าวหน้าอีกด้วย”
NITMX ร่วมมือระหว่างธนาคารสมาชิก 35 แห่ง และสถาบันอื่นๆ อีก 2 แห่ง ซึ่งร่วมกันสร้างระบบนิเวศการชำระเงินของประเทศไทยให้มีความหลากหลายและทันสมัย โดยให้บริการทางการเงินดิจิทัลที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจที่กำลังพัฒนาของประเทศไทย